กาแฟดริป (Drip Coffee)
ถ้าพูดถึงวิธีการชงกาแฟนอกเหนือจาก Espresso แล้ว กาแฟดริป (Drip) น่าจะเป็นวิธีการชงกาแฟวิธีถัดไปที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะผู้ที่ชงกาแฟทานที่บ้าน
กาแฟดริป คือการใช้น้ำเทผ่านผงกาแฟคั่วบดบนตัวกรอง เพื่อให้น้ำที่ไหลผ่านสกัดเอาสารที่ให้รสชาติต่างๆออกมาจากกาแฟ
สำหรับในยุดแรกนั้นการดริปกาแฟใช้ถุงผ้าเป็นตัวกรองกาแฟ แต่สำหรับการดริปกาแฟแบบใช้กระดาษกรองเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1908 โดย Melitta Bentz ชาวเยอรมันผู้นำกระดาษซับน้ำหมึกของลูกชายมาทดลองกรองกาแฟเนื่องจากมักมีปัญหากับผงกาแฟเล็กๆที่มักหลุดออกมาอยู่ในแก้วกาแฟจากกาแฟแบบ Espresso หรือการใช้ถุงผ้าในการกรองซึ่งยากต่อการทำความสะอาด หลังจากนั้นการดริปกาแฟด้วยกระดาษกรองจึงเป็นที่แพร่หลายเป็นต้นมา
อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการชงกาแฟดริป
- Dripper หรืออุปกรณ์ดริปกาแฟ
- Drip Kettle หรือกาดริปกาแฟ
- Timer หรือ ที่จับเวลา
- Coffee Grinder หรือเครื่องบดกาแฟ – ไม่จำเป็นถ้าใช้กาแฟคั่วบด
- ตราชั่งหรืออุปกรณ์ตวงอื่นๆ
- ช้อนสำหรับคน
5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟดริป
1. อัตราส่วนปริมาณกาแฟต่อน้ำ
ปริมาณกาแฟที่ใช้กับปริมาณน้ำที่ใช้ในการดริป (Drip) นั้นเป็นสิ่งแรกที่กำหนดรสชาติของกาแฟ ถ้าใช้ปริมาณน้ำมากกาแฟก็จะจางแต่ถ้าใช้ปริมาณน้ำน้อ กาแฟก็จะเข้มข้น
*ยกตัวอย่างเช่นถ้าใส่น้ำตาล 2 ช้อนชาลงไปในแก้วกาแฟ กาแฟแก้วนั้นก็จะหวานกว่ากาแฟที่ใส่น้ำตาล 1 ช้อนชา เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลมากกว่า
อัตราส่วนที่เราแนะนำคือประมาณกาแฟ 1 กรัม ต่อน้ำ 15 ถึง 17 กรัม สามารถปรับปริมาณของน้ำต่อกาแฟได้ถ้าต้องการกาแฟที่รสชาติจัดจ้าน สามารถใช้น้ำน้อยกว่า 15 กรัมได้ หรือถ้าอยากได้กาแฟรสชาติบางๆก็สามารถใช้น้ำมากกว่า 17 กรัมได้
2. ลักษณะของ Dripper
2.1 ลักษณะของตัวกรอง Dripper นั้นสามารถแบ่งได้สามแบบใหญ่ๆ คือใช้ตัวกรองเป็น กระดาษ, ผ้า, และ ตัวกรองแบบเป็นโลหะ โดยลักษณะของ Dripper แต่ละแบบมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน
2.2 การไหลของน้ำ (Flow Rate) Dripper จะมีลักษณะของรูที่ให้น้ำไหลออกอยู่หลากหลายรูปแบบ บางแบบมีเป็นรูขนาดเล็กหนึ่งรู บางแบบเป็นรูขนาดเล็กหลายรู หรือ บางแบบเป็นรู ขนาดใหญ่ หรือถ้าเป็น Dripper โลหะการไหลของน้ำก็จะไวกว่าแบบกระดาษ
ถ้าการไหลของน้ำช้าหรือไว อาจจะจำเป็นต้องปรับขนาดบดกาแฟให้เหมาะสมกับลักษณะของ Dripper
*ถ้าน้ำไหลช้าการสกัดก็จะเกิดมากขึ้นกาแฟก็จะเข้ม ในทางกลับกันถ้าน้ำไหลไวการสกัดก็จะเกิดขึ้นได้น้อยกาแฟก็จะจาง
3. ขนาดบด
ขนาดบดของเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่หลายปัจจัย ได้แก่รสชาติที่ต้องการ และลักษณะของ Dripper
ลักษณะของ Dripper ที่ใช้มีรูขนาดเล็กซึ่งทำให้น้ำไหลช้า ยิ่งบดกาแฟละเอียดก็จะทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นหนักแน่น แต่ถ้าบดหยาบจะทำให้รสชาติของกาแฟนั้นมีรสชาติที่จางกว่า
4. การเทน้ำ และ ระยะเวลา
นอกจากลักษณะของ Dripper จะส่งผลต่อการไหลของน้ำ (Flow rate)
การเทน้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลการไหลของน้ำ โดยจะแสดงออกมาเป็นระยะเวลาที่ใช้ในการชง
ถ้าใช้ระยะเวลาในการชงนานแสดงว่าน้ำไหลช้ากาแฟก็จะเข้มอาจจะขมได้
ถ้าใช้ระยะเวลาในการชงสั้นแสดงว่าน้ำไหลไวกาแฟก็จะจางมีรสเปรี้ยวที่เด่นมากขึ้น
5. อุณหภูมิ
ยิ่งอุณหภูมิสูงก็จะทำให้กาแฟมีรสเข้มขึ้น โดยอุณหภูมิเริ่มต้นที่แนะนำนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 92 – 94 องศา
https://beanshere.com/posts/how-to-drip-coffee/
No comments:
Post a Comment