คะน้า ผักใบเขียวเพื่อสุขภาพ
คะน้ามีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese Kale คะน้าจัดเป็นพืชใบเขียวที่ใบมีสีเขียวจัด และเป็นผักที่กินได้ทั้งใบไปจนถึงก้าน ผักคะน้ามีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้งคะน้าไทย คะน้าฮ่องกง ซึ่งขนาดต้นคะน้าและความกรอบ หวาน อาจแตกต่างกันเล็กน้อย ทว่าลักษณะและรสชาติโดยรวมก็ยังคงเป็นผักคะน้า พืชในตะกูลเดียวกันอยู่นั่นเอง
จากข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แสดงคุณค่าทางโภชนาการของผักคะน้าปริมาณ 100 กรัม ดังนี้
- พลังงาน 31 กิโลแคลอรี
- น้ำ 92.1 กรัม
- โปรตีน 2.7 กรัม
- ไขมัน 0.5 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม
- ใยอาหาร 1.6 กรัม
- เถ้า 0.9 กรัม
- แคลเซียม 245 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
- เบต้าแคโรทีน 2,512 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 419 ไมโครกรัม
- ไทอะมิน 0.05 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.08 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 1.0 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 147 มิลลิกรัมประโยชน์ของคะน้า ผักใบเขียวเปี่ยมสรรพคุณ
- น้ำ 92.1 กรัม
- โปรตีน 2.7 กรัม
- ไขมัน 0.5 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม
- ใยอาหาร 1.6 กรัม
- เถ้า 0.9 กรัม
- แคลเซียม 245 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
- เบต้าแคโรทีน 2,512 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 419 ไมโครกรัม
- ไทอะมิน 0.05 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.08 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 1.0 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 147 มิลลิกรัมประโยชน์ของคะน้า ผักใบเขียวเปี่ยมสรรพคุณ
1. เสริมภูมิคุ้มกัน
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูง แถมยังมีวิตามินซีอีกไม่น้อย ดังนั้นการรับประทานผักคะน้าจึงช่วยเพิ่มสารอาหารที่ดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่าง ๆ โดยลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
2. บำรุงสายตา
สารต้านอนุมูลอิสระในผักคะน้าที่ชื่อว่าเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ หมายความว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอ ส่งผลดีต่อการบำรุงดูแลดวงตาในด้านระบบประสาทตาและการมองเห็นได้ อีกทั้งยังมีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งงานวิจัยพบว่า การทานอาหารที่มีลูทีนสูงจะช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกลงถึง 20% เลยนะคะ
3. เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
จะเห็นได้ว่าคะน้าเป็นผักที่มีปริมาณแคลเซียมค่อนข้างสูง จึงจัดได้ว่าคะน้าเป็นอาหารเสริมแคลเซียมที่ดีชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่แพ้นมวัวจะหันมารับแคลเซียมจากผักอย่างคะน้าก็ได้นะคะ
4. บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง
ในคะน้ามีโฟเลตและธาตุเหล็กสูง ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง คะน้าจึงเป็นผักใบเขียวที่ช่วยบำรุงเลือด และลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจางได้
ในคะน้ามีโฟเลตและธาตุเหล็กสูง ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง คะน้าจึงเป็นผักใบเขียวที่ช่วยบำรุงเลือด และลดความเสี่ยงภาวะโลหิตจางได้
5. บำรุงผิวพรรณ เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนแล้ว ในผักคะน้ารวมไปถึงผักใบเขียวทุกชนิดยังมีสารลูทีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเซลล์ผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัยโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือกระบวนการศัลยกรรมใด ๆ อีกทั้งวิตามินซีในผักคะน้ายังจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยนะคะ
6. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ผักคะน้ามีไฟเบอร์สูงมาก โดยเฉพาะในส่วนของใบคะน้า ดังนั้นการรับประทานผักคะน้าในปริมาณที่เหมาะสมก็มีส่วนช่วยเพิ่มใยอาหารให้ลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่ายให้มีความคล่องตัวมากขึ้นได้เหมือนกัน
7. ลดความเสี่ยงมะเร็ง
7. ลดความเสี่ยงมะเร็ง
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
https://health.kapook.com/view196961.html
No comments:
Post a Comment